วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ทริปเที่ยวล่าหมอก เขาค้อ



ทริปล่าหมอก เที่ยวเขาค้อไม่ง้อฝน ไหว้พระธาตุ จิบกาแฟ ชมหมอก กอดเขาสุดฟิน.....
        หน้าฝนแบบนี้...คิดถึงภูเขาเขียวๆ ที่เขาค้อขึ้นมาชะมัด นานแล้วที่เราไม่ได้ออกเดินทางไปกอดสายหมอกยามเช้า ว่าแล้วก็ลงมือจัดกระเป๋าออกไปเที่ยวกันเลยดีกว่า มีเวลาสั้นๆ แค่ 2 วัน 1 คืนก็เที่ยวเขาค้อได้ สำหรับวิธีการเดินทางไปเที่ยวเขาค้อที่ง่ายที่สุดก็คือรถส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางแค่ 5-6 ชั่วโมงก็ถึงเสน่ห์ของการขับรถไปเที่ยวเอง คือเราสามารถแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทางมีอะไรที่น่าสนใจให้แวะชมมากมาย ไปเขาค้อที่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริงๆ


        แต่ก่อนจะออกเดินทาง ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้รถกันก่อนหลายคนอาจจะกังวลเรื่องเส้นทางขึ้นเขาค้อที่บางช่วงค่อนข้างชันและแคบ แถมยังอาจจะเจอหมอกฝนระหว่างทาง ดังนั้น นอกจากตรวจเช็คสภาพรถ ทั้งเบรก ลมยาง ฯลฯ แล้ว อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ "การเลือกเติมน้ำมัน” ที่นอกจากจะพาเราขับเคลื่อนไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว การเลือกเติมน้ำมันที่ดียังช่วยปกป้องและดูแลรถคู่ใจที่เรารักไปในตัวด้วย


       ทริปนี้ เราเลือกเติม “ซูพรีมพลัส” น้ำมันเกรดพรีเมียมจากเอสโซ่ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มสมรรถนะกว่าน้ำมันสูตรมาตรฐาน นอกจากช่วยปกป้องเครื่องยนต์และทำความสะอาดอย่างเหนือชั้น ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และประหยัดน้ำมัน คืนพลังให้เครื่องยนต์ทำงานต่อเนื่องได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทริปที่ต้องขับรถข้นลงเส้นทางที่เป็นภูเขาสูงชันแบบนี้...การเลือกเติมน้ำมันดีๆ ก็ช่วยให้เรามั่นใจทุกครั้งในการเดินทางตลอดทั้งเส้นทาง

        แถมช่วงนี้ ยังมิทธิพิเศษและโปรโมชั่นดี๊...ดี เมื่อเติมน้ำมันเอสโซ่ ซูพรีมพลัส ทุกประเภท ทั้งซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 และซูพรีมพลัส ดีเซล ทุก 700 บาท รับไปเลยน้ำดื่ม 1.5 ลิตร ฟรี 2 ขวด พร้อมรับคะแนนสะสมเอสโซ่ สไมล์ส 2 เท่า ตั้งแต่ 16 กันยายน 2561- 15 พฤศจิกายน 2561 นี้เท่านั้นใครกำลังแพลนทริปขับรถไปเที่ยวที่ไหน...รีบไปเติมน้ำมันที่ปั๊มเอสโซ่ แล้วรับสิทธิพิเศษคุ้มสองต่อแบบนี้กันไปเลย (สังเกตปั๊มที่ร่วมรายการจากโฆษณาหน้าปั๊ม หรือเข้าไปเช็ครายชื่อสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการที่ https://www.essosmiles.com/Supremepluspromo/)


        โดยเราสามารถเอาคะแนนเอสโซ่ สไมล์สไปใช้แลกสิทธิพิเศษทั้งช้อป ชิม ชม ต่อได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะแลกเป็นคะแนนเทสโก้โลตัสคลับการ์ด หรือแลก McDonald’s, Starbucks e-Coupon และแลกตั๋วดูหนังในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์และอีจีวีทุกสาขา เพราะฉะนั้น ใครอยากได้คะแนนเอสโซ่ สไมล์ส สมัครฟรีได้ที่สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ทุกสาขา หรือ Add line เพื่อรับสิทธิประโยชน์ง่ายๆ อีกมากมาย พิเศษรับ 250 คะแนน เมื่อผูกบัตรเอสโซ่ สไมล์สผ่าน LINE @EssoThailand 17 กันยายน 2561 – 31 ธันวาคม 2561


        เติมน้ำมันเต็มถังพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปเขาค้อกันได้เลยจุดแรกที่เราไปแวะกันคือ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” สถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คของเพชรบูรณ์ ภาพของยอดเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิตสีทองอร่าม บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุประดับประดาด้วยแก้วเบญจรงค์และเศษแก้ววิจิตรงดงามหลากสีสัน คือเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันหลั่งไหลมาชมความงามที่นี้


       นอกจากนี้ ภายในวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังมีแลนด์มาร์คอีกแห่งอย่างมหาวิหาร พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ โดดเด่นด้วยพระพุทธรูปสีขาวที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าทั้งห้าองค์ในภัทรกัป สร้างลดหลั่นกันอย่างงดงาม ท่ามกลางสายหมอกและขุนเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง จัดเป็นอีกหนึ่งวัดสวยอันซีนของเมืองไทย ที่ใครมาเที่ยวเขาค้อแล้วพลาดไม่ได้ต้องมาชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง


        เที่ยววัดอิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว ชักเริ่มหิว...เราไปทานมื้อกลางวันกันที่ “โรงเตี้ยมสุดขอบฟ้า” ร้านอาหารวิวสวยที่เพิ่งเปิดใหม่บนเขาค้อ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดผาซ่อนแก้วมากนัก แต่ถนนทางขึ้นไปยังร้านนั้นค่อนข้างแคบและชันมาก จนบางช่วงเราจะเห็นรถบางคันต้องจอดแอบข้างทาง โชคดีที่พวกเราเติมน้ำมันพรีมเมียมอย่างซูพรีมพลัสมาเต็มถัง จังหวะขึ้นเขาเลยเร่งเครื่องได้ดี ไม่มีสะดุด ขับยาวต่อเนื่องได้ถึงร้านบนยอดเขาแบบไม่ต้องกังวล


        ตัวร้านตกแต่งอย่างโดดเด่นด้วยสไตล์จีนโมเดิร์น ผสมกลิ่นอายแดนมังกรด้วยหลังคาเก๋งจีน และโคมไปจีนสีแดงประดับตกแต่งอยู่ภายในร้าน


        เมนูเด่นที่นี่เป็นอาหารสไตร์จีนยูนนาน จานเด็ดพลาดไม่ได้มาแล้วต้องสั่งเลยคือ เมนูนี้ “ขาหมูหมั่นโถวสูตรยูนนาน” ขาหมูตุ๋นมาจนหนังเปื่อยนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับหมั่นโถวแป้งนุ่มจานใหญ่ หากกลัวเลี่ยนแนะนำจากนี้ ยำยอดฟักแม้ว รสจัดจ้าน ต่อด้วยต้มจืดเยื่อไผ่เนื้อปู เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ ซดคล่องคอ


        ถ้ายังไม่อิ่มไปทานของหวาน จิบกาแฟแก้ง่วงหลังอาหารกันต่อที่ “ตั๊กม้อ คอฟฟี่ เขาค้อ” ร้านกาแฟที่อยู่บริเวณติดกันกับร้านอาหารเลยค่ะ เดินแค่ไม่กี่ก้าว...เราก็ได้นั่งจิบกาแฟชมวิวบนที่นั่งริมระเบียงเอาท์ดอร์ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบสุดสายตา และยังสามารถมองเห็นวิวพระธาตุผาซ่อนแก้วอยู่ไกลๆ ได้อีกด้วย



        ตอนบ่ายเราไปเช็คอินเข้าที่พักคืนนี้ของเรากันที่ “วิน วิว อิงลิช โรส การ์เด้นท์ รีสอร์ท เขาค้อ”  (Vin View English Rose Garden Resort Khaokho) จุดเด่นของที่นี่ คือสวนกุหลาบสวยสไตร์อังกฤษ มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ และบ้านพักที่ดีไซน์ให้กลิ่นอายกระท่อมในชนบทแนวอิงลิชคอทเทจสีสันสดใส



        มื้อเย็นเราทานอาหารเย็นกันที่รีสอร์ท พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศสุดโรแมนติก บอกเลยว่าฟินมากๆ เลยค่ะ

        เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นแต่เช้าเพื่อขันรถไปชมทะเลหมอกกันที่ “จุดชมวิววัดกองเนียม” อีกหนึ่งจุดชมทะเลหมอกของเขาค้อที่ได้ชื่อว่าวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่ง และยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบริเวณนี้อีกด้วย



        จากจุดชมวิววัดกองเนียม เราขับรถมาแวะอีกจุดหนึ่งคือ “ที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ” อีกหนึ่งจุดชมวิวและกางเต็นท์ยอดนิยม น่าเสียดายที่ฝั่งนี้มองเห็นทะเลหมอกไม่มากนัก แต่เราก็ถ่ายรูปคู่กับป้ายที่ทำการฯ และตู้ไปรษณีย์มาเป็นที่ระลึก

        จากนั้นเรากลับไปทานมื้อเช้าที่รีสอร์ท อาบน้ำ เก็บของเสร็จแล้วล้อหมุนไปเที่ยวกันต่อเลยดีกว่า...พิกัดแรกปักหมุดกันที่ ไร่สตรอว์เบอร์รี่ GB เขาค้อ ถึงแม้ช่วงนี้สตรอว์เบอร์รี่จะยังไม่ออกให้เราเก็บชิม แต่ก็มีทุ่งดอกไม้สวยๆ อย่างคอสมอส, เวอร์บีน่า ฯลฯ ให้เราได้ถ่ายรูป และยังมีชิงช้าให้นั่งเล่น ชมวิวภูเขาและทุ่งกังหันลมที่อยู่ล้อมรอบได้




        เดินเล่นถ่ายรูปจนคอแห้ง แวะไปเติมพลังกันที่ Mongker Drip Coffee ร้านกาแฟบรรยากาศดี ตั้งอยู่ติดกับไร่สตรอว์เบร์รี่ GB มีที่นั่งเล่นให้เราจิบกาแฟชมวิวกันได้แบบชิลๆ



        ระหว่างนั้นท้องฟ้าที่สดใสตอนเช้าก็เปลี่ยนเป็นเมฆครึ้มทะมึนมาแต่ไกล ไม่ทันไร...สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เรานั่งรอให้ฝนซาสักพัก จากนั้นก็ไปขึ้นรถรางเพื่อเข้าไปเที่ยวชมภายในทุ่งกังหันลม เขาค้อ โดยซื้อตั๋วรถรางด้านหน้าคนละ 60 บาท รถรางจะพาเข้าไปชมด้านในและแวะจอดรับส่งนักท่องเที่ยวเป็นจุดๆ


        จุดแรกที่เราแวะคือ “ทุ่งเทเลทับบี้” ที่เที่ยวแลนด์มาร์คใหม่ของเขาค้อไปถ่ายรูปคู่กับเทเลทับบี้น่ารักๆ พร้อมเดินเล่นชมสวนดอกไม้สวยๆ เสียค่าบัตรเข้าชมคนละ 40 บาท หางบัตรสามารถนำไปเป็นส่วนลดค่าเครื่องดื่มคาเฟ่ด้านในได้ด้วย

        
        ไม่ใช่แค่ถูกใจสาวๆ ที่ชอบเซลฟี่ นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวมักจะแวะที่นี่ เพราะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ทั้งการให้อาหารสัตว์ในฟาร์มอย่างแพะ แกะ ม้า ฯลฯ หรือนั่งจิบ กาแฟ เครื่องดื่มชิลๆ นั่งเล่นชมวิวทุ่งกังหันลมที่อยู่ล้อมรอบได้ทั้งวัน



             จุดที่สอง รถรางพาเราแวะมาที่จุดเล่น “ฟอร์มมูล่าม้ง” น่าเสียดายที่บ่ายวันนั้นฟ้าครึ้ม ลมพัดแรงเป็นสัญญาณว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า เราเลยเราเลยเปลี่ยนไปเล่นชิงช้า ถ่ายรูปชมวิวบริเวณรอบๆ แทนภ่ายรูปได้แค่แป๊ปเดียวฝนก็เทกระหน่ำลงมาอีกครั้ง...คราวนี้ตกหนักกว่ารอบแรก แต่กลับทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกไปอีกแบบ เรียกว่ามาเที่ยวเขาค้อทริปนี้...พวกเราไม่ง้อฝนกันจริงๆ ตกได้ตกไป..รอให้ฝนหยุดแล้วก็ไปเที่ยวต่อกับแบบชิลๆ



        เราโบกมือบ๊าย..บายทุ่งกังหันลม ขับรถลงจากเขาค้อมุ่งหน้าไปทางอำเภอหล่มสัก ตั้งใจว่าจะไปปิดท้ายทริปกันที่คาเฟ่น่ารักๆ ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเขาค้อกับภูทับเบิกกันค่ะ


        ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเรากาถึง “เลอ คันนา ฟาร์ม สเตย์ คอฟฟี่” คาเฟ่บรรยากาศดีที่มองเห็นทั้งวิวทุ่งนาและภูเขาแบบ 2 in 1



        ภายในร้านมีมุมให้นั่งเล่นนั่งชิลหลายมุม ทั้งมุมเก้าอี้ทรงสูงติดเคาน์เตอร์ไม้ตัวยาว เปลไม้ไผ่ให้นอนเล่นชิลๆ รับลมเย็นๆ จากทุ่งนา



        นอกจากเป็นคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารชื่อ “ฮิมนา บาย เลอ คันนา” อยู่ใกล้ๆ กัน สามารถสั่งมาทานที่ร้านกาแฟได้เราจัดเมนูขนมจีนชุดใหญ่ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทางร้านอย่างขนมจีนเส้นสด เสิร์ฟพร้อมน้ำยา 3 อย่าง คือ น้ำยากะทิ, น้ำยาป่า และน้ำยาหวานหรือน้ำยาถั่ว ที่ทำจากถั่วเหลืองต้มเอาไปบดแล้วผสมกับถั่งลิสงตำ ปรุงรสโดยใช้หัวกะทิ ได้รสชาติหวานมันครบรส พร้อมผักสดและผักพื้นบ้านลวกเป็นเครื่องเคียงอีกชุดใหญ่ ความพิเศษของขนมจีนที่นี้ คือทางร้านจะผสมสีที่ได้จากชาเขียว, ชาไทยลงไปทำให้ได้ขนมจีนสดใหม่ที่สีสวยน่ากินแปลกตา


        ตบท้ายของหวาน อย่างเค้กมะพร้าวอ่อนใบเตย เนื้อเค้กนุ่มๆ ได้รสชาติหอมหวานมันของมะพร้าว และเค้กสตรอว์เบอร์รี่รสชาติเปรี้ยวอมหวาน พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ ที่มีให้เลือกทั้งกาแฟอย่างเอสเพรสโซ่เย็น, ชาเขียว และน้ำผึ้งมะนาวอัญชันดื่มแล้วสดชื่นคลายร้อน แถมราคาไม่แพงอีกด้วย


        ด้านหลังร้านกาแฟยังเปิดเป็นที่พัก ซึ่งเราสามารถไปเดินเล่นถ่ายรูปบนสะพานไม้กลางทุ่งนาได้ เรียกว่าปิดท้ายทริปเที่ยวเขาค้อกันแบบประทับใจ ได้เจอทะเลหมอกอย่างที่คาดหวัง แม้อาจจะต้องเจอฝนบ้าง...แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางที่เราอยากให้ทุกคนออกไปลองค้นหากันค่ะ


        สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังจะมีแพลนขับรถไปเที่ยวแบบพวกเรา อย่าลืมเลือกเติมน้ำมันดีๆ อย่างซูพรีมพลัสที่ปั๊มเอสโซ่ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ง่ายๆ อีกมากมาย พิเศษรับ 250 คะแนน เมื่อผูกบัตรเอสโซ่ ผ่าน LINE @EssoThailand ตั้งแต่ 17 กันยายน 2561 – 31 ธันวาคม 2561 สิทธิพิเศษดีๆ แบบนี้พลาดไม่ได้เลยค่ะ!

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สถานที่ท่องเที่ยวใน ประเทศพม่า



7 สถานที่เที่ยวพม่า ควรค่าแก่การไป ไม่ใช่แค่ไหว้พระ

7 สถานที่เที่ยวพม่า ควรค่าแก่การไป
ไม่ใช่แค่ไหว้พระ


        หากพูดถึง ประเทศพม่า เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองไทย ส่วนใหญ่หลายคนมักนึกถึงการไปไหว้พระเท่านั้น  แต่ความจริงพม่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายสไตล์  ที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสสักครั้ง วันนี้เรารวบรวม 7 สถานที่เที่ยวพม่า นอกเหนือจากการไหว้พระ มาให้ทุกคนรู้จัก จะมีที่ไหนบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

1. ขึ้นบอลลูนที่เมืองพุกาม



        ด้วยความที่เมืองพุกามเป็นเมืองโบราณ จึงทำให้มีโบราณสถานสวยงามมากมาย ดังเช่นสมญานามว่า “เมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์” เป็น สถานที่เที่ยวในพม่า ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก พื้นที่บริเวณโดยรอบค่อนข้างกว้างขวาง ทั้งยังสมบูรณ์ด้วยสีเขียวจากต้นไม้ ให้นักท่องเที่ยวสามารถชมความสวยงามของอารยธรรมเก่าแก่ไปรอบๆ ได้โดยพาหนะต่างๆ ทั้งรถลาก จักรยาน หรือว่า การขึ้นบอลลูน!


        ใครจะคิดว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรา จะมีกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้ ลองจินตนาการภาพที่คุณจะได้เห็นจากมุมสูงแบบพาโนรามา 360 องศา กับเจดีย์ที่เรียงรายต้องแสงแดด ทำให้เห็นความพิเศษของสถานที่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกาล บอกเลยว่านี่เป็นกิจกรรมที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝันให้ได้มาสักครั้ง สำหรับการขึ้นบอลลูนที่เมืองพุกาม คุณสามารถติดต่อบริษัทที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น Balloons Over Bagan หรือ Oriental Ballooning โดยค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 350 USD ส่วนช่วงเวลาแนะนำในการขึ้นบอลลูนจะเป็นช่วง เดือนตุลาคม-มีนาคม (หากจะมาช่วงเทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ประมาณ 20 USD นะคะ) เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวในพม่าที่น่าตื่นเต้น ใครชอบแนวนี้แนะนำเลยค่ะ

แผนที่ :

2. ตะลุยสวนน้ำ Yangon Water Boom



        หากโลกนี้มันร้อนนัก ก็ไปพักผ่อนเล่นน้ำกันที่ สวนน้ำ Yangon Water Boom กันดีกว่า! สถานที่เที่ยวในพม่า อีกแห่งที่อยากชวนคุณมาคลายร้อน โดยสวนน้ำ Yangon Water Boom ถือเป็นสวนน้ำแห่งแรกของพม่า ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ที่นี่คุณจะได้พบกับสไลด์เดอร์สุดเจ๋งระดับโลก ทั้ง “Free Fall Slides” หวาดเสียวกับสไลด์เดอร์ที่มีความสูงถึง 15 เมตร! ให้คุณไหลลื่นลงมาด้วยความเร็วกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าเสียวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หรือจะเป็น “Python” ให้คุณและเพื่อนๆ นั่งสไลด์เดอร์ไปสนุกด้วยกัน ผ่านท่อสีเขียวที่คดเคี้ยว ยาวกว่า 60 เมตร! นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับคุณหนูอย่าง “Kiddy pool” สนามเด็กเล่นที่ให้น้องๆ ได้ชุ่มฉ่ำกับสายน้ำเย็น พร้อมบริการสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งล็อกเกอร์ บังกะโล ซาลอน ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อย่างครบครัน หนีร้อนไปสนุกกับสวนน้ำในย่างกุ้งกันดีกว่า
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์)
ค่าเข้า : วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 7,000 kyats, เด็ก 5,000 Kyats / วันเสาร์-อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 15,000 Kyats, เด็ก 10,000 Kyats

แผนที่ :

3. ช้อปปิ้งที่ตลาดแนว Eco “Yangon Zay”



        สถานที่เที่ยวในพม่า ที่อยากชวนคุณมาอีกแห่งคือ Yangon Zay เป็นการจัดตลาดให้คุณมาเลือกชิมอาหารอร่อย เลือกซื้อสินค้าจากพม่า โดยไม่ซ้ำธีมกันในแต่ละเดือน โดย Yangon Zay จะเป็นแหล่งรวมของชาวสวน ชาวไร่ที่นำวัตถุดิบในท้องถิ่นมีคุณภาพมาออกร้าน ให้คุณมาเดินเล่นลิ้มลองรสชาติอาหารที่ใส่ใจอย่างพิถีพิถัน ทั้งยังเป็นตลาดแนว Eco ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีการใช้พลาสติก โดยมีพื้นที่ให้คุณนั่งพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ในบรรยากาศสบายๆ สำหรับตลาด Yangon Zay จะจัดกิจกรรมอยู่ที่ The Tea Factory ที่เมืองย่างกุ้งเป็นประจำทุกเดือน สามารถเช็คตารางกิจกรรมได้ 
แผนที่ : 

4. เที่ยวสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก!



        มาเที่ยวพม่ากันต่อที่ สะพานอูเบ็ง (U Bein Bridge) สะพานไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 200 ปี เป็นสะพานที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่าของกรุงอังวะ ทอดตัวยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่ง สถานที่เที่ยวในพม่า ที่ให้บรรยากาศสมัยก่อน นอกจากจะเก่าแก่ที่สุดในโลกแล้ว ยังถือว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย


        สะพานอูเบ็งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ไม่ไกลจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ เป็นสะพานที่ใช้ข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเจดีย์เจ๊าตอว์กยี และนอกจากกิจกรรมเที่ยวแบบชิลล์ๆ อย่างการเดินเล่นบนสะพานแล้ว คุณยังสามารถลงไปล่องเรือท้องถิ่น เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกลางน้ำได้อีกด้วย เป็นบรรยากาศธรรมดาๆ แต่มีความเรียบง่ายและห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ เชื่อว่าคุณจะต้องประทับใจกับสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
แผนที่ : 

5. เที่ยวชิลล์ๆ ที่ทะเลสาบอินเล



        สถานที่เที่ยวในพม่า ที่ไม่อยากให้คุณพลาด นั่นก็คือ ทะเลสาบอินเล ที่นี่คุณสามารถล่องเรือกินลมชมวิว พร้อมชมวิถีชีวิตของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำ โดยระหว่างทางคุณจะเห็นชาวประมงจับปลาที่พายเรือด้วยเท้าข้างเดียว เป็นภาพแปลกตาที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของทะเลแห่งนี้เลยค่ะ


        นอกจากนี้ยังมีฟาร์มลอยน้ำ ที่เกษตรกรสามารถปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แต่ใช้แปลงกลางน้ำแทน เป็นการปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ที่ทำให้เราทึ่งกับภูมิปัญญาชาวบ้านได้ไม่น้อย โดยที่นี่ถือเป็นแหล่งปลูกมะเขือเทศที่ใหญ่ที่สุดในพม่าเลยล่ะค่ะ อีกทั้งที่นี่ยังมีรีสอร์ทสไตล์ธรรมชาติตั้งอยู่กลางน้ำ ให้คุณสดชื่นกับการพักผ่อนแบบสโลวไลฟ์อีกด้วย ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่ในรัฐฉาน ห่างจากเมืองตองยีประมาณ 25 กิโลเมตร ถ้าได้มาพักผ่อนชิลล์ๆ ที่ทะเลสาบอินเล การมา เที่ยวพม่า ครั้งนี้จะต้องสร้างความทรงจำดีๆ ให้คุณไม่รู้ลืมแน่นอน
แผนที่ : 

6. สัมผัสเกาะหัวใจมรกต แห่งทะเลพม่า



        อีกหนึ่ง สถานที่เที่ยวในพม่า ที่อยากให้คุณมาสัมผัสกับธรรมชาติใต้น้ำ ที่ยังคงความสมบูรณ์ชนิดที่ว่ามีน้องปลาและปะการังหลากหลายชนิดมากๆ คอยต้อนรับผู้มาเยือน นั่นก็คือ เกาะหัวใจมรกต อยู่ที่เกาะ Cocks Comb ในพม่า ห่างจากจังหวัดระนองเพียง 80 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ส่วนใหญ่คนไทยจะติดต่อทัวร์จากเมืองไทยเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ที่นี่เป็นเกาะที่ไม่มีชายหาด แต่ทว่าคุณสามารถว่ายน้ำลอดช่องปากทางเข้าเกาะเข้าไปได้ เพื่อพบกับโลกอีกใบ ใจกลางเกาะที่หากมองจากมุมสูง จะเห็นช่องกลางเกาะมีรูปร่างคล้ายหัวใจ บวกกับน้ำทะเลสีมรกต ทำให้เกิดสมญานามขึ้นว่า “เกาะหัวใจมรกต” นั่นเอง คุณสามารถดำน้ำลงไปทักทายฝูงปลาหลากชนิด และอิ่มเอมใจกับภาพปะการังหลากสีสัน มาเที่ยวทะเลอันดามันในโซนของพม่ากันบ้าง แล้วคุณจะหลงรักธรรมชาติมากขึ้นแน่นอน
แผนที่ : 

7. พักผ่อนแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ Sane Let Tin Resort



        “Sane Let Tin Resort” รีสอร์ทสุดคูลแห่งพม่า ที่จะพาให้เราใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ตั้งอยู่ที่เมืองจากเมืองไจโท (Kyaik Hto) ซึ่งห่างจากย่างกุ้งประมาณ 30 นาที เพียงแค่ก้าวเข้ามายังรีสอร์ทแห่งนี้ก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นของต้นไม้สีเขียวขจีทั่วบริเวณ ด้วยเนื้อที่กว่า 150 ไร่ ทำให้มีกิจกรรมรอให้คุณไปร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สระน้ำกลางแจ้ง หรือจะเช่าจักรยาน ขี่ชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แวะชมวิวมุมสูง สัมผัสประสบการณ์ขี่ช้างหรือขี่ม้า รวมถึงเดินชมสวน Organic Orchard ที่แรกในพม่า


        ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ Zoo and Zipline สวนสัตว์ในรีสอร์ท ที่เต็มไปด้วยสัตว์มากกว่า 100 ตัว จากกว่า 40 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, นก หรือสัตว์เลื้อยคลาน ที่ได้รับการดูแลและจดทะเบียนถูกต้อง ทั้งยังเป็นสวนสัตว์แบบ private แห่งแรกในพม่าอีกด้วย นอกจากที่คุณจะเข้าชมสัตว์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสามารถเดินผ่านสะพานยาวที่ทอดตัวไปตามสวนสัตว์ ให้คุณใกล้ชิดกับวิถีทางธรรมชาติได้มากกว่าที่เคย
แผนที่  :

        เห็นไหมล่ะว่า การไปเที่ยวพม่า ก็ไม่ได้มีแต่การไปไหว้พระ หรือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น พม่ายังมีแหล่งธรรมชาติสวยๆ อีกมากมาย โดนใจคนชอบเที่ยวชิลล์ๆ สไตล์สโลว์ไลฟ์ หากมีโอกาสลองไปเปิดมุมมองใหม่ให้การเที่ยวพม่ากว้างขึ้นกว่าเดิมนะคะ