วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การเจริญเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ เมียนมาร์





       ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเวลานี้เมื่อพูดถึงเมียนมา หลายคนย่อมนึกถึงความสดใหม่ของตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการค้าและการลงทุนในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะหลังจากที่สถานการณ์การเมืองในเมียนมาเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเร่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศด้วยการปรับปรุงนโยบายทางเศรษฐกิจและสิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ให้เอื้อต่อนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ในระยะ 5 ปี สิทธิ์ในการเช่าซื้อที่ดินได้สูงสุดถึง 50 ปี และการจดทะเบียนลงทุนได้เต็มจำนวน 100% ในหลายสาขาธุรกิจ ทำให้เมียนมาในวันนี้ กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดต่อนักลงทุนกระเป๋าหนักจากทั้งในและนอกภูมิภาค โดยอีกหนึ่งสาขาที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากที่สุดในขณะนี้ เห็นจะหนีไม่พ้น “ธุรกิจการก่อสร้าง”
          ปัจจัยหลักที่ส่งเสริมให้ธุรกิจก่อสร้างในเมียนมาเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ในประเทศอื่นมาจากการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๗.๘ และนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในเมียนมา ธุรกิจก่อสร้างถือเป็นภาคบริการ (service sector) ที่นักลงทุนต่างชาติสามารถจดทะเบียนลงทุนได้ 100% จากสถิติพบว่า ธุรกิจในสาขานี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีในช่วงระหว่างปี 2553-2557 อยู่ที่ 7.4% และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 6% ระหว่างปี 2558-2562 โดยจะมีมูลค่าราว 765 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
          การลงทุนในธุรกิจก่อสร้างในเมียนมาแบ่งออกเป็น 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการการลงทุนการก่อสร้างของภาครัฐ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปา รวมทั้งการขุดเจาะน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ และโครงการการลงทุนก่อสร้างของภาคเอกชน อาทิ การก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโรงแรม เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
          สำหรับขั้นตอนการลงทุนนั้น นักลงทุนจะต้องขอใบอนุญาตการลงทุนจากคณะกรรมการการลงทุนเมียนมา (Myanmar Investment Commission หรือ MIC) และต้องจัดทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ เพราะรัฐบาลเมียนมาให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
          ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปปักธงลงทุนในธุรกิจก่อสร้างในเมียนมา 2 อันดับแรก คือ ไทย และจีน โดยโครงการที่นักลงทุนไทยรับผิดชอบและให้ความสนใจส่วนมากเป็นการก่อสร้างที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพราะบุคลากร ผู้รับเหมา และแรงงานไทยมีทักษะด้านภาษา มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงาน อีกทั้งยังมีฝีมือประณีต เป็นที่ยอมรับจากต่างชาติอย่างกว้างขวาง นับเป็นใบเบิกทางสำคัญสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจตลาดธุรกิจก่อสร้างในเมียนมา นอกเหนือจากธุรกิจก่อสร้างแล้ว ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจนำเข้าวัสดุก่อสร้าง ยังได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย เพราะวัสดุก่อสร้างในเมียนมายังหายากและไม่ได้มาตรฐาน ในขณะที่วัสดุก่อสร้างของไทยมีคุณภาพมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เหล็ก และวัสดุสำเร็จรูปอื่น ๆ
          จริงอยู่ว่าตอนนี้ตลาดเมียนมากำลังเปิดกว้างสำหรับนักลงทุน แต่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ที่สนใจไปบุกตลาดธุรกิจก่อสร้างในเมียนมา ก็ไม่ควรผลีผลามเข้าไปโดยไม่ศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อน เพราะยังมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนอีกหลายข้อที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบ และมาตรฐานการก่อสร้างที่แตกต่างกันในแต่ละเมือง และที่สำคัญ อย่าลืมสร้างพันธมิตรทางการค้าการลงทุน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจในพื้นที่ต่อไป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น